Sunday, 7 April 2024

9 อันดับ เมนูอาหารโบราณ เก่าแก่ที่สุดในโลก

11 Apr 2023
417

เมนูอาหารโบราณ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์เราก็คืออาหาร ตั้งแต่การรับประทานแบบดิบ ปรุงให้สุกด้วยการใช้ไฟ แต่งเติมรสชาติด้วยเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศ สรรค์สร้างจนกลายมาเป็นเมนูมากมายหลายหลากที่น่ารับประทานในปัจจุบัน แต่รู้หรือไม่ว่าบางเมนูที่เคยเห็น ได้ยินชื่อ และลิ้มรสมาแล้ว เป็นเมนูที่ถูกคิดค้นมานานกว่า 400 ปี หรือบางเมนูนั้นก็มีอายุมากถึง 6000 ปีเลยทีเดียว จะใช่เมนูที่เคยรับประทานหรือไม่ เรามาเริ่มนับถอยหลังจาก เมนูอาหารโบราณ ที่ย้อนกลับไปไม่ไกลนักไปจนถึงเมนูที่มีอายุยาวนานที่สุดกันเลย

เมนูอาหารโบราณ มีอะไรบ้าง

9. เบอร์เกอร์ ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 4

ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเบอร์เกอร์ อาหารจานด่วนที่รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย ประกอบไปด้วยวัตถุดิบหลากหลายชนิดตามแต่ใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นเบคอน หมู เนื้อ ไก่ หรือปลา วางซ้อนทับด้วย ผักกาดหอม มะเขือเทศ หอมใหญ่ แตงกวาดอง ชีส ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ก่อนจะประกบทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้วยขนมปังนุ่มๆ 2 แผ่น แต่รู้หรือไม่ว่าต้นกำเนิดของเมนูอาหารอันโด่งดังนี้ยังคงคลุมเครืออยู่ นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าการทำเบอร์เกอร์นั้นสามารถสืบย้อนไปถึงการเตรียมเนื้อของชาวโรมันโบราณ หรือ Isicia omentata เมื่อประมาณต้นศตวรรษที่ 4 เลยทีเดียว

คีร์ (Kheer)

8. คีร์ (Kheer) ประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาล

คีร์นั้นเป็นขนมอินเดียที่มีส่วนผสมเป็นนมเข้มข้น มักเสิร์ฟในงานเทศกาล พิธีแต่งงาน และงานวัด เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากพุดดิ้งข้าวแบบยุโรป โดยวิธีการทำคีร์เริ่มต้นจากการหุงข้าว วุ้นเส้น หรือข้าวสาลี ด้วยนมข้นหวานที่ใส่ในสายและเครื่องเทศกลิ่นหอมจำพวกกระวานหรืออาจเติมหญ้าฝั่นลงไปสำหรับโอกาสพิเศษ และตกแต่งด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ และถั่วพิชตาชิโอ

นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าคีร์เป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เนื่องจากเมื่อย้อนกลับไป 400 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีการกล่าวถึงสูตรอาหารชนิดหนึ่งในตำรามหากาพย์รามายานะและมหาพาราตะที่เรียกว่าฟินี ซึ่งใกล้เคียงกับคีร์เป็นเมนูอาหารของชาวเปอร์เซียโบราณ

โดยมีความเชื่อว่าเป็นอาหารของเทวดา ทำขึ้นครั้งแรกในสวรรค์ เมื่อคราวศาสดาโมฮัมหมัดขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นที่ 7 เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า ท่านก็ได้รับอาหารจานนี้มาด้วย ซึ่งในช่วงรัชสมัยของโชนลาสในอินเดียตอนใต้ประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล มักนำคีร์หมาถวายเป็นอาหารแก่เทพเจ้าในพิธีทางศาสนาทุกประเภทเช่นกัน

Pilaf

7. พิลาฟ (Pilaf) ประมาณ 1000 ถึง 500 ปีก่อนคริสตกาล

พิลาฟเป็นสูตรอาหารโบราณที่มีวิธีการทำคือ หุงข้าว ผัก และโปรตีนจากสัตว์ เช่น ไก่ หมู เนื้อแกะ ปลา อาหารทะเล ด้วยน้ำซุปที่ปรุงรสจากเครื่องเทศและสมุนไพรหลายชนิด มักรับประทานกันอย่างแพร่หลายในตะวันออกกลาง เอเชียกลางและใต้ แอฟริกาตะวันออก และคาบสมุทรบอลข่าน จะเห็นได้ว่าพิลาฟนั้นมีวัตถุดิบหลักคือข้าว

ซึ่งตามประวัติศาสตร์ชาวอินเดียและชาวเปอร์เซียโบราณ เริ่มมีการเพาะปลูกพืชประมาณ 1000 ถึง 500 ปีก่อนคริสตกาล นับเป็นจุดเริ่มต้นของเมนูนี้ ก่อนจะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของตะวันออกกลางและเอเชียกลาง ต่อมาเมื่อ 328 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อครั้งอเล็กซานเดอร์มหาราชพิชิตเมืองช็อกเดียนแห่งสมาคัน เขาก็ได้เลี้ยงฉลองด้วยเมนูพิลาฟ หลังจากนั้นสูตรอาหารก็ถูกเผยแพร่ไปยังประเทศมาซิโดเนียและส่วนต่างๆของยุโรป

ชีสเค้ก

6. ชีสเค้ก ประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล

ชีสเค้กคือเมนูขนมหวานจานโปรดของใครหลายๆคน เพราะรสชาติที่หอมหวานของครีมชีส และฐานบิสกิตเนยแสนอร่อย แต่รู้หรือไม่ว่า ชีสเค้กนี้มีประวัติมายาวนานมาก ยืนยันผ่านหลักฐานจากการขุดค้นพบชิ้นส่วนแม่พิมพ์ชีสเค้กนั้น ย้อนหลังไปได้ถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล และนักประวัติศาสตร์บางคนก็เชื่อว่าชีสเค้กชิ้นแรกอาจถูกปรุงขึ้นในเกาะซาโมทของกรีก ที่มีคนอาศัยอยู่มากกว่า 5000 ปี ส่วนหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่เก่าแก่ที่สุดนั้นสามารถพบได้ในหนังสือของ Athenaeus นักเขียนชาวกรีกโบราณเมื่อคริสต์ศักราชที่ 230

แกง

5. แกง ประมาณ 2600 ถึง 2200 ปีก่อนคริสตกาล

เมื่อพูดถึงอินเดียทุกคนนึกถึงอะไรกันครับ หนึ่งในนั้นคาดว่าต้องเป็นเมนูแกงอย่างแน่นอน เมนูอาหารที่มีกลิ่นหอมนี้มีส่วนผสมมาจากเครื่องเทศและสมุนไพร เช่น ยี่หร่า ขมิ้น พริกไทย ผักชี ผงกะหรี่

ประวัติความเป็นมาของกรรมวิธีการทำแกงนี้ย้อนกลับไปกว่า 4000 ปีในอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ผู้คนมักใช้ครกหินและสากบดเครื่องเทศจำพวกยี่หร่าและมัสตาร์ดอย่างประณีต เช่นเดียวกับการขุดค้นที่ฮารับปาและโมเฮนโจดาโรก็พบเศษเครื่องปั้นดินเผาที่มีร่องรอยของขมิ้นและขิง ซึ่งอยู่ในระหว่าง 2600 ปีถึง 2200 ปีก่อนคริสตกาล

นอกจากนี้ในจารึกของชาวสุเมเรียนที่ยังหลงเหลืออยู่เมื่อ 1700 ปีก่อนคริสตกาล ก็ได้มีการกล่าวถึงสูตรอาหารที่คล้ายกันว่าเนื้อในน้ำเกรวี่เผ็ด เสิร์ฟพร้อมขนมปัง และในตำราอาหารแอพพลิคัสศตวรรษที่ 4 นั้นก็กล่าวถึงอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์มากมาย ซึ่งปรุงในลักษณะเดียวกัน โดยใส่ส่วนผสม เช่น ผักชี น้ำส้มสายชู สาระแน่ ผงยี่หร่า เป็นต้น

เค้ก

4. เค้ก ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล

ไม่น่าเชื่อว่า เค้ก เมนูของหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในทั่วทุกมุมโลกจะเป็นเมนูอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่อารยธรรมอียิปต์โบราณ ซึ่งเดิมทีนั้นเค้กเป็นเมนูที่สร้างสรรค์มาจากชาวอียิปต์โบราณ ด้วยการทำขนมปังไร้เชื้อที่อบบนหินกลมและเพิ่มรสหวานด้วยการทาน้ำผึ้ง

ซึ่งเมื่อดูแบบนี้ก็เหมือนกับว่าเค้กและขนมปังแทบจะไม่แตกต่างกันใช่ไหมครับ แต่นักประวัติศาสตร์ได้ตั้งทฤษฎีในการแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้ได้จากคำในสมัยกรีกโบราณว่า พากุส หมายถึง แบน ใช้เรียกขนมหวานที่มีขนาดเล็กกว่าลักษณะเหมือนขนมปังที่อัดแน่นไปด้วยถั่วและน้ำผึ้ง และซาทูราใช้เรียกเค้กหวานที่หนักกว่า ส่วนคำว่าเค้กมีที่มาจากภาษานอร์สว่า กากา นั่นเอง

แพนเค้ก

3. แพนเค้ก ประมาณ 3300 ปีก่อนคริสตกาล

แพนเค้ก เมนูอาหารเช้าที่มักรับประทานคู่กับ ผลไม้ ช็อกโกแลต น้ำเชื่อม และท็อปปิ้งอื่นๆ ซึ่งชื่อเรียกนี้ก็ตรงตามกรรมวิธีการทำ คือการปรุงเค้กบางๆให้สุกด้วยกระทะ การตามรอยประวัติศาสตร์ของเมนูนี้เราต้องย้อนกลับไปหามัมมี่น้ำแข็ง Otzi the Iceman ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 3300 ปีก่อนคริสตกาล

นักประวัติศาสตร์เปิดเผยว่าจากการวิเคราะห์ร่างกายของ Otzi  ได้เปิดเผยข้อมูลมากมาย เกี่ยวกับอาหารของยุคหินใหม่ โดยอาหารมื้อสุดท้ายของเขา น่าจะประกอบไปด้วยเนื้อแพะภูเขาและเนื้อกวางแดง พร้อมกับแพนเค้ก ข้าวสาลี ไอคอน

ส่วนชาวกรีกโบราณเองก็นิยมรับประทานแพนเค้กกันอย่างแพร่หลาย พวกเขาปรุงแพนเค้กบนเตาดินเผาบนกองไฟ โดยผลงานของนักกวีแมนเนจและเครตินุชในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ก็พบว่ามีการกล่าวถึงแพนเค้กที่ทำจากแป้งสาลีและน้ำมันมะกอก เสิร์ฟพร้อมนมเปรี้ยว หรือน้ำผึ้ง และมักรับประทานเป็นอาหารเช้าเช่นเดียวกับในปัจจุบัน

ทามาเล่

2. ทามาเล่ (Tamales) ประมาณ 5000 ปีก่อนคริสตกาล

ทามาเล่เป็นอาหารเมโสอเมริกายอดนิยมที่ปรากฏครั้งแรกประมาณ 8000 ถึง 5000 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนจะได้รับความนิยมในหมู่ชาวโอเมะ ชาวถอนเทค และชาวแอซเท็ก และชาวมายา ทามาเล่ ทำจากมาร์ซ่าหรือแป้งโดที่ทำจากเมล็ดข้าวโพดแช่น้ำปูนใส สอดไส้ด้วยกระต่ายสับ ไก่งวง กบ ปลา นกฟลามิงโก ไข่ ผลไม้ ถั่วและวัตถุดิบอื่นๆตามต้องการ ห่อด้วยเปลือกข้าวโพดหรือใบตองก่อนจะนำไปนึ่ง มักใช้เป็นเสบียงสำหรับนักเดินทางและทหารเวลาออกเดินทางไกลหรือเดินทัพนั่นเอง

โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับทามาเล่ถูกค้นพบจากอักษรอียิปต์โบราณของชาวมายา ที่กล่าวถึงเมนูนี้ไว้บนเครื่องปั้นดินเผาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีอายุย้อนไปประมาณคริสต์ศักราชที่ 200 ถึง 1000 และในปัจจุบันเมนูนี้ยังรับประทานกันอย่างแพร่หลายทั่วเม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ แคริบเบียน สหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์

สตู

1. สตู ประมาณ 6000 ปีก่อนคริสตกาล

เมนูอาหารลักษณะคล้ายแกงที่ใส่ ผัก เนื้อสัตว์ และเครื่องปรุงรสพื้นฐานลงไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อน เพื่อให้เนื้อสัตว์สุกและนุ่มอย่างช้าๆ จึงทำให้มีสีสันรสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนกว่าซุปแบบโบราณ ด้วยหลักฐานที่มาช่วยยืนยันความเก่าแก่ของเมนูนี้มีอยู่มากมาย เช่น ในแผ่นจารึกอักษรลิ่ม หรืออักษรคูนีฟอร์ม ได้กล่าวถึงสูตรอาหารชนิดหนึ่งที่เป็นอาหารต่างชาติ ลักษณะเป็นซุปมีส่วนผสม เช่น ต้นหอมอียิปต์ ใบผักชีสด ผักชีฝรั่ง กระเทียม ผสมเข้ากับนมเปรี้ยวและเลือดแกะ ซึ่งคาดว่าเมนูนี้คือ สตู นั่นเอง

หรืออาหารพื้นเมืองอีกจานหนึ่งของเมโสโปเตเมียโบราณ ซึ่งอาจเป็นสูตรอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่รู้จักกันในชื่อตู่ฮี หรือ สตูเนื้อแกะของชาวสุเมเรียน ที่มีอายุกว่า 3750 ปี ประกอบด้วยวัตถุดิบตั้งแต่ ชิ้นเนื้อแกะ ไขมันแกะ ต้นหอม ยี่หร่า หอมแดง และบีทรูท

ส่วนวัฒนธรรมอื่นๆก็มีการค้นพบทางโบราณคดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าแอมะซอนที่ใช้เปลือกหอยขนาดใหญ่ที่มีความแข็งมาเป็นเครื่องครัวในการทำสตู ขณะที่ในพันธสัญญาเดิมก็มีการกล่าวอ้างในปฐมกาลว่า เอซาวและยาโคบ พี่ชายของเขาจ่ายสินสอดทองหมั้นให้อิสบักเมื่อเขาแต่งงานกับรีเบกก้าด้วยการเสนอสตูเนื้อ 1 หม้อ และยังกล่าวถึงถั่วเลนทิวและสตูที่ทำจากธัญพืชด้วย

หรือในศตวรรษที่ 16 ชาวแอซเทคก็ได้รังสรรค์เมนูสตูขึ้นมาเช่นเดียวกัน แต่อาจใช้วัตถุดิบที่สยดสยองไปสักหน่อย นั่นก็คือข้าวโพดแห้ง เนื้อมนุษย์ และพริก หรือที่เรียกว่าราคัสเลาลี โดยการปรุงสตูหม้อนี้นักประวัติศาสตร์บางคนตั้งสมมติฐานว่า การประกอบอาหารด้วยเนื้อมนุษย์เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งพวกเขาไม่ได้รับประทานอาหารจานนั้นลงไป

สนับสนุนโดย :: ufabet56s