ไส้กรอก เป็นการเก็บรักษาเนื้อสัตว์ประเภทหนึ่ง โดยนำเนื้อสัตว์บดมาหมักกับเกลือและเครื่องเทศต่างๆและยัดไว้ในลำไส้หรือกระเพาะอาหารของสัตว์ วันนี้เรา akatommychong จะมาเล่าเรื่องไส้กรอกที่หลายคนน่าจะรู้จักหรือเคยรับประทานมาแล้ว
ไส้กรอก ประเภทต่างๆมีอะไรบ้าง
1. ไส้อั่ว
ไส้อั่วเป็นไส้กรอกของจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือของไทย คำว่าอั่วมีความหมายว่าแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง ซึ่งหมายถึงการนำเนื้อสัตว์ยัดไว้ในไส้ ที่มาของไส้อั่วเกิดจากประเพณีงานบุญในสมัยโบราณมักจะมีการล้มหมูเพื่อเป็นอาหารให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน
เมื่อมีเนื้อหมูจำนวนมากก็ไม่สามารถนำมาทำอาหารได้ทัน จึงได้มีการถนอมอาหารโดยนำเนื้อหมูมาผสมกับเครื่องเทศต่างๆแล้วยัดใส่ไส้หมู ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น 1-3 วัน
การทำไส้อั่วจะต้องนำ พริกแห้ง ข่า ขมิ้น ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม มาโขกรวมกันแล้วนำมาผสมกับเนื้อหมูสับ มันหมู และใบมะกรูดหั่นฝอย แล้วกรอกในไส้หมูที่ทำความสะอาดแล้วและกดให้เป็นวงกลม
ในอดีตไส้อั่วจะทำให้สุกโดยการย่างด้วยเตาถ่าน ส่วนในปัจจุบันนิยมทำด้วยการทอดเมื่อสุกแล้วไส้อั่วจะกลายเป็นสีเหลืองมีกลิ่นหอมของเครื่องแกง นอกจากภาคเหนือของไทยแล้วไส้อั่วยังเป็นอาหารที่พบได้ทั่วไปในพม่าและลาวอีกด้วย
2. ไส้กรอกอีสาน
ไส้กรอกอีสานเป็นการถนอมอาหารแบบดั้งเดิมของภาคอีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ในอดีตไส้กรอกอีสานเรียกว่าไส้อั่วแต่จะใส่ข้าวและกระเทียมผสมลงไปในเนื้อสัตว์ ทำให้ไส้อั่วของภาคอีสานมีรสชาติเค็มเปรี้ยวต่างจากไส้อั่วของภาคเหนือที่มีรสชาติเค็มเผ็ด ภายหลังจึงเปลี่ยนมาเรียกว่าไส้กรอกอีสาน
ที่มาของไส้กรอกอีสานมีตำนานเล่าว่าในอดีตที่ยังเต็มไปด้วยป่า ชาวบ้านในแถบจังหวัดชัยภูมิและขอนแก่นได้อาศัยป่าเป็นแหล่งอาหารเพื่อล่าสัตว์ การเดินทางไปในป่าต้องใช้เวลาหลายเดือน นายพรานจึงเป็นห่วงลูกและภรรยาที่อยู่ทางบ้าน เมื่อล่าสัตว์มาได้แล้ว นายพรานจึงได้ถนอมอาหารโดยใช้วิธีหั่นเป็นชิ้นหรือสับให้ละเอียด หมักกับกระเทียมและเกลือยัดใส่กระเพาะสัตว์แล้วมัดเป็นป้อง ด้วยวิธีนี้นายพรานจึงสามารถเก็บเนื้อสัตว์จำนวนมากไปให้ลูกและภรรยาได้
การทำไส้กรอกอีสานแต่เดิมมักใช้เนื้อที่เหลือจากการล้มวัวมาสับให้ละเอียดผสมกับข้าวเหนียว กระเทียม เกลือ แล้วกรอกลงไปในไส้หมูที่ทำความสะอาดแล้ว หมักไว้ประมาณ 3-4 วัน ก็จะมีรสชาติเปรี้ยวเค็ม ทำให้สุกด้วยการย่างหรือทอด ปัจจุบันเนื้อที่นิยมมาทำไส้กรอกอีสานคือ เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อปลา และยังมีไส้กรอกอีสานที่ใส่วุ้นเส้นเป็นส่วนผสมอีกด้วย
3. ลูกรอก
ลูกรอกหรือที่หลายคนเรียกว่าไส้กรอกไข่ ซึ่งแตกต่างจากไส้กรอกอื่นๆที่ใช้เนื้อสัตว์ในการทำ คำว่าลูกรอกมีความหมายว่า ลูกเหล็กกลมแบน คล้ายล้อที่มัดไว้กับเชือกหรือสายไฟเพื่อชักรอกเคลื่อนย้าย ซึ่งเหมือนกับลักษณะของไส้กรอกไข่ที่สุดแล้ว และตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
ลูกรอกเป็นอาหารชาววังสมัยโบราณ ทำโดยใช้ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ดิบมาตีให้ละเอียดโดยที่ห้ามมีฟองอากาศ ไข่ที่ได้จะมีสีเหลืองและเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นก็นำไส้ไก่หรือไส้หมูที่ทำความสะอาดแล้ว มามัดปลายด้านหนึ่งให้แน่น กรอกไข่ลงไปพอประมาณ อย่าให้เต็มเกินไปหรือน้อยเกินไป และผูกปลายไส้ให้แน่น ทำให้สุกโดยการต้ม เมื่อสุกแล้วก็นำลูกรอกมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ โดยมากมักรับประทานลูกรอกเป็นแกงจืด
4. กุนเชียง
กุนเชียงเป็นไส้กรอกแห้งจากจีน มีรสชาติหวานหลายคนอาจจะเข้าใจว่ากุนเชียงคือไส้กรอกหมูแบบจีน เนื่องจากคำว่ากุนนั้นไปตรงกับคำในกลุ่ม 12 นักษัตร ที่แปลว่าหมู แท้จริงแล้วคำว่ากุนเชียงเพี้ยนมาจากคำว่ากุ๊งเชียงในภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่ากุ๊งมีความหมายว่ากรอก กุ๊งเชียงหรือกุนเชียงจึงแปลว่าไส้กรอก
กุนเชียงเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งของจีนที่ทำให้เนื้อสัตว์สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปี ซึ่งส่วนมากมักจะใช้เนื้อหมู การทำกุนเชียงจะนำเนื้อหมูติดมันสับมาปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายแดง เหล้าจีน ผงพะโล้ แป้งข้าวโพด และเกลือ แล้วนำไปกรอกใส่ไส้หมูที่ล้างจนสะอาดแล้ว นำไปอบหรือผึ่งแดดจนแห้ง
ซึ่งนอกจากเนื้อหมูแล้วยังมีการนำเนื้อสัตว์อื่นๆมาทำกุนเชียง เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา นอกจากกุนเชียงแบบหวานๆที่หลายคนคุ้นเคยกันแล้ว ยังมีกุนเชียงอีกแบบที่เรียกว่า ล่าฉาง ซึ่งเป็นกุนเชียงแบบกวางตุ้ง มีรสชาติออกเค็มมากกว่าหวาน มีมันหมูน้อยกว่ากุนเชียงทั่วไป คนไทยนิยมนำกุนเชียงไปทำอาหารหลายอย่าง เช่น ยำกุนเชียง ข้าวผัดกุนเชียง เป็นต้น
5. Soondae
ซุนแดเป็นไส้กรอกเลือดสีดำคล้ำ เป็นอาหารของ เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ ซึ่งมักจะขายข้างทาง ต้นกำเนิดของซุนแดย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคโครยอ ในสมัยนั้นซุนแดทำจากเนื้อสัตว์และเลือด โดยมักจะรับประทานกันในงานเลี้ยงตามเทศกาลต่างๆ จนกระทั่งในช่วงสงครามทำให้ภาวะข้าวยากหมากแพง การทำซุนแดจึงเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์เป็นวุ้นเส้นเกาหลีชื่อ Dangmyeon ซึ่งทำจากมันเทศผสมกับมันเทศหั่นเป็นชิ้น และเลือดหมูหรือเลือดวัว แล้วกรอกใส่หมูหรือใช้วัว และนำไปนึ่งจนสุก
การรับประทานซุนแดมักจะหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วนำไปปรุงเป็นอาหาร มีอาหารเกาหลีมากมายที่มีส่วนผสมของซุนแด เช่น ซุนแดกุกหรือซุปไส้กรอกเลือด และบางคนก็นิยมรับประทานซุนแดร่วมกับต๊อกบ๊กกีซึ่งเป็นแป้งต๊อกผัดกับซอสโคชูจัง
6. Salami
ซาลามี่เป็นไส้กรอกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก มีสีแดงอมชมพูและรสชาติเค็ม ซาลามี่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอิตาลีแต่กลับได้รับความนิยมอย่างมากที่ประเทศเยอรมัน คำว่าซาลามี่ มาจากคำว่า สาลูมีน ในภาษาละตินมีความหมายว่าเนื้อหมักเค็ม
ซาลามี่มีประวัติศาสตร์มายาวนานตั้งแต่ยุคโรมัน โดยนำเนื้อสัตว์ซึ่งมักจะเป็นเนื้อหมูมาบดผสมกับมัน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย กระเทียม ไวน์ จันทน์เทศ เม็ดยี่หร่า บางสูตรนั้นก็จะใส่อบเชยลงไปด้วย จากนั้นก็บรรจุลงในไส้หมูที่ทำความสะอาดแล้วและหมักทิ้งไว้
เมื่อหมักจนได้ที่แล้วก็นำมาตากแดดหรืออบจนแห้ง ซาลามี่สามารถเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 10 ปี การรับประทานซาลามี่มักจะฝานเป็นแผ่นบางๆสามารถรับประทานแบบสดๆได้เลย หรือจะนำไปปรุงอาหารก็ได้ เช่น โรยบนหน้าพิซซ่าหรือเป็นไส้ของแซนวิช
7. Pepperoni
เปปเปอร์โรนีเป็นไส้กรอกที่มีลักษณะคล้ายกับซาลามี่ แต่มีสีแดงสดและรสชาติที่เข้มข้นกว่า เปปเปอร์โรนีมีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1919 ที่เมืองนิวยอร์ก ซึ่งทำขึ้นโดยเชฟจากร้านพิซซ่าและคนขายเนื้อชาวอิตาเลี่ยนที่มาอยู่ในเมืองนิวยอร์ก คำว่าเปปเปอร์โรนี มาจากภาษาอิตาเลียน มีความหมายว่าพริกหวาน เพราะเปปเปอร์โรนีมีรสชาติจัดจ้านและมีสีแดงเหมือนกับพริกหวาน
การทำเปปเปอร์โรนีมักจะใช้เนื้อวัวและเนื้อหมูบด บางครั้งก็ใช้เนื้อไก่งวง โดยนำมาผสมกับเกลือ ผงพริกแดงป่น เมล็ดผักชี กระเทียม และเครื่องเทศต่างๆ หมักทิ้งไว้ 3 วัน แล้วกรอกใส่ไส้หมูหรือไส้วัว และหมักไว้ประมาณ 10-12 ชั่วโมง
เปปเปอร์โรนีสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้มากมาย แต่โดยมากมักจะนำมารวยเป็นหน้าพิซซ่าหรือพิซซ่าหน้าเปปเปอร์โรนี ซึ่งเป็นหน้าพิซซ่ายอดนิยมของชาวอเมริกัน
ไส้กรอกถือว่าเป็นการถนอมอาหารรูปแบบหนึ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ ตัวรสชาติที่อร่อยและสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย จึงทำให้ไส้กรอกกลายเป็นหนึ่งในอาหารประเภทเนื้อที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
สนับสนุนบทความโดย :: 3xbet
