แนะนำ วิธีดูแลสมอง ให้เป็นคนหัวดี ความจำดี ใครเคยเป็นแบบนี้ ยกมือขึ้น ฮึ้ย! เอากุญแจไปไว้ที่ไหนเนี้ยฮะ อ้าว เมื่อเช้าเรากินข้าวกับอะไรไปน่ะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเราบ่อยๆใช่ไหมครับ เราอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่มันเกิดแค่ชั่วคราว มันก็มีเรื่องต้องคิดนั่นนี่วุ่นวายสมองไปหมด มันก็ต้องหลงหลงลืมลืมกันบ้าง แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือพฤติกรรมแบบนี้ อาจจะกําลังส่งสัญญาณถึงการเสื่อมประสิทธิภาพของความทรงจําในสมองของเรา และมันอาจจะบ่งบอกว่า เรากําลังดูแลสมองไม่ค่อยดีเลย จนทําให้หลงหลงลืมลืมอะไรได้ง่ายๆ
ดังนั้นหากคุณมักเป็นแบบนี้หลงๆลืมๆ ทั้งๆที่บางคนก็ยังหนุ่มยังสาวอยู่ เราต้องหันมาใส่ใจที่จะดูแลสุขภาพสมองของตัวเราเองบ้าง ให้สมองได้ฟูและมีความกระปรี้กระเปร่าบ้าง หากปล่อยสมองไว้แบบนั้น เบลอๆแบบนั้น ประสิทธิภาพความทรงจําของสมองอาจจะเสื่อมถอยได้เร็ววันขึ้น
วันนี้เรา akatommychong ได้นําเอาบทความดีๆที่เป็นประโยชน์จากเว็บไซต์ของสถาบันการแพทย์ระดับโลกอย่าง John Hopkins ที่เขาจะมาบอก 4 วิธีง่ายๆที่ช่วยให้สุขภาพสมองของเรานั้นดีขึ้น จะทําให้เราสามารถทําให้สมองกลับมาฟิต สดใส จําอะไรต่อมิอะไรได้ดีอีกครั้ง 4 วิธีนี้จะง่ายแค่ไหนกันและได้ประโยชน์จริงหรือไม่ ลองไปดูกันเลย
4 วิธีดูแลสมอง ให้เป็นคนหัวดี ความจำดี
นักประสาทวิทยาของ John Hokkins ที่เขียนบทความนี้ได้กล่าวเอาไว้ว่าเรื่องของความจําเป็นเพียงส่วนเล็กๆในการทํางานของระบบสมอง แต่ถึงมันจะเป็นส่วนเล็กน้อยในสมองเราต้องยิ่งใส่ใจมันให้มากที่สุด ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถทําได้เพื่อป้องกันไม่ให้เรากลายเป็นคนที่หลงๆลืมๆ สมองเบลอ มึนไปหมด ซึ่ง 4 วิธีง่ายๆที่จะทําให้สมองของเรานั้นมีสุขภาพที่ดี มีดังนี้
1. ออกกําลังกายที่ทําให้หัวใจได้สูบฉีดเลือดเป็นประจํา
มีงานวิจัยหลายต่อหลายชิ้นที่สถาบัน John Hokkins ได้ศึกษา ซึ่งได้ผลออกมาในแบบเดียวกันที่ชี้ให้เห็นว่าการออกกําลังกายที่ทําให้หัวใจของเราได้สูบฉีดเลือดเป็นประจํานั้นมันยืนหนึ่งเลย ยืนหนึ่งในเรื่องของการที่จะช่วยให้สมองของเรามีสุขภาพที่ดี เมื่อเราได้ออกกําลังกาย สมองก็จะสดชื่น ฟิตปั๋ง มีประสิทธิภาพของการจําเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นการออกกําลังกายยังช่วยลดของความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคความดัน โรคเบาหวาน ช่วยควบคุมอารมณ์ได้ดี ช่วยในเรื่องของการนอนหลับ และช่วยควบคุมน้ําหนักได้ด้วย
ซึ่งการออกกําลังกายดีต่อสมองมากที่สุด คือประเภทแอโรบิก เช่น เดิน วิ่ง จักรยาน เต้น เป็นต้น ซึ่งหมอเขาบอกว่าการออกกําลังกายแบบแอโรบิกจะได้ช่วยกระตุ้นยีนที่เป็นประโยชน์ต่อสมอง ทําให้สมองของเรามีสุขภาพดีทําให้มันฟิตและตื่นตัว ไม่ว่าเราจะอายุมากจะอายุน้อย การออกกําลังกายก็จะมีประโยชน์ต่อเราอยากสนับสนุนให้ทุกท่านหันมาออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอนะครับ ออกในแบบที่เราชอบที่เราไหว ใครที่ไม่ค่อยได้ออกแต่อยากเปลี่ยนนิสัยของตัวเอง ก็ค่อยๆเริ่มวันละนิดวันละหน่อยไม่ต้องไปซีเรียส พอเวลาเราได้ทําเป็นประจําแล้วทําไปวันละเล็กวันละน้อย เราก็จะค่อยค่อยพัฒนาตนเองให้ทําได้มากขึ้นนั่นเอง
2. ดูแลปัญหาสุขภาพทั้งหลายของเรา
วิธีนี้เป็นวิธีสําหรับคนที่อาจจะป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆนะ เช่นโรคเบาหวาน ความดัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ หากเรากำลังเป็นโรคร้ายเหล่านี้อยู่ คุณหมอบอกว่าให้เราใส่ใจรักษาโรคเหล่านี้ อย่าปล่อยละเลยให้มันลุกลามไปใหญ่ หมั่นดูแลสุขภาพของตัวเอง ปรึกษาแพทย์ในแบบที่เหมาะสมหาวิธีรักษากันครับ ไม่มีใครใช่ไหมครับ? ที่อยากจะเป็นโรคร้ายแบบนี้ ซึ่งใครที่ยังสุขภาพดีอยู่ตอนนี้ คุณสามารถลดความเสี่ยงของมันได้ เช่น คุณอาจจะไปวัดความดันมา ความดันสูง หรือ น้ําตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดก็มา
ให้เราลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจําวันของเราดู กินอาหารที่มีประโยชน์เลิกบริโภคสิ่งที่ทําลายสุขภาพของเรา พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดของเรา ออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอ อย่าปล่อยให้มันเป็นวันที่สายเกินไปเพราะโรคร้ายเหล่านี้ คือหนึ่งตัวการที่ค่อยๆทําลายระบบการทํางานของสมองเราด้วย ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือว่า อยากให้สุขภาพของสมองเราดี เราต้องเริ่มที่การใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเราเอง หากเรารักตัวเองก็จงดูแลสุขภาพของเราด้วยความใส่ใจ
3. ใส่ใจเรื่องของการนอน
ว่ากันว่าสามเสาหลักของสุขภาพกายที่ดีนั้น คือการออกกําลังกาย การกินและการนอน การนอนให้เพียงพอ นอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกายของเราแล้วยังดีต่อสุขภาพสมองด้วยเช่นกัน งานวิจัยหลายต่อหลายชิ้นพบว่าการนอนที่มีคุณภาพ ช่วยทําให้สมองมีประสิทธิภาพของความทรงจําและการนึกคิดที่ดีขึ้น ช่วยจัดระเบียบความทรงจําได้ดีและยังทําให้เรานั้นสามารถมีไอเดียดีๆและทําให้เราจําเรื่องต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างที่คนประสบความสําเร็จคนเก่งทั้งหลายเขาต่างบอกใช่ไหมครับว่า หากเราอยากให้สมองเรียนรู้อะไรได้เก่งๆ เราควรใส่ใจเรื่องของการนอนให้มีประสิทธิภาพ แล้วแบบนี้การนอนมากแค่ไหนถึงจะดีต่อเราล่ะ ในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนนอน 8 ชั่วโมง 7 ชั่วโมงถึงจะอิ่ม แต่บางคนแค่ 5 ชั่วโมงก็อิ่มแล้ว
การนอนจํานวนมากน้อยกี่ชั่วโมงนั้นขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน แต่สิ่งสําคัญอยู่ที่ว่าเราใส่ใจเรื่องของการนอนมากน้อยแค่ไหน เพราะประสิทธิภาพการใช้ชีวิตแต่ละวันของเรา เริ่มต้นที่การนอนให้เพียงพอ ลองสังเกตตัวเองเวลาที่เรานอนไม่พอ เราไม่มีสมาธิเลยใช่ไหม ทําอะไรก็มึนๆหลงๆลืมๆไปบ้าง บางทีก็อารมณ์ไม่ดี อารมณ์เสียง่ายอีก ซึ่งก็มีหลักฐานทางงานวิจัยที่พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพออาจจะทําให้เกิดปัญหาการทํางานต่อสุขภาพจิต ซึ่งรวมถึงความจําและสุขภาพสมองของเราด้วย
4. มีส่วนร่วมในสังคม
คุณหมอได้บอกว่าการมีส่วนร่วมในสังคมในที่นี้อย่างเช่นการที่เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ การที่เราได้พบเจอกับกลุ่มสังคมของเราหรือกลุ่มสังคมใหม่ๆ การที่เราทําอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น การมีปฏิสัมพันธ์ การมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น คือหนึ่งในสิ่งที่สมองของเราต้องการเช่นกัน มันอาจจะดีกว่าสําหรับสุขภาพสมองที่เราได้พูดคุยสนทนากับเพื่อนของเราบ้าง มันอาจจะดีกว่าหากเราได้ถกปัญหาบางอย่างกับเพื่อนร่วมงานบ้าง มันอาจจะดีกว่าหากเราได้พูดคุยทักทายกับคนที่เราเจอทุกๆวัน และมันอาจจะดีมากๆหากเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ใหม่จากผู้อื่น
การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมันได้ประโยชน์ต่อสมองมากกว่า มันทําให้สมองเรานั้นมีสุขภาพดีมากกว่าการที่เรานั้นท้าทายการทํางานของสมองโดยการนับเลขถอยหลัง ดังนั้นในแต่ละวันเราอาจจะลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆจากคนอื่นบ้าง มีการสนทนากับเพื่อนฝูงบ้าง เหงาๆก็โทรไปหาเขาบ้างก็ได้ หรือกลับบ้านไปนั่งคุยกับพ่อแม่ของเรา วิธีง่ายๆแบบนี้ก็จะช่วยให้สมองของเรานั้น ได้ active และมีสุขภาพ ดีนั่นเอง
นี่คือ 4 วิธีที่จะช่วยให้สมองของเรานั้นมีสุขภาพที่ดี ฟิต ฟู พร้อมลุยในทุกๆวัน หวังว่า 4 วิธีนี้จะช่วยให้ทุกท่านสามารถนําไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจําวันนะ หากเรารักตัวเองให้ใส่ใจดูแลสุขภาพของเราให้ดี เมื่อสุขภาพกายดี สุขภาพสมองก็ดีตาม
สนับสนุนบทความโดย :: 388goals