เรื่องต้องห้ามที่ผู้หญิงในอัฟกานิสถานไม่มีสิทธิ์ทำ อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่มีรอยแผลจากสงครามและความรุนแรงมานานหลาย 10 ปี สงครามกลางเมืองนองเลือดทำให้กลุ่มตาลีบันยึดครองประเทศได้เมื่อปี 1996 ถึง 2001 จนกระทั่ง 20 ปี ผ่านไประบอบตาลีบันก็สามารถพลิกกลับมาบุกยึดเมืองและโค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนได้สำเร็จในปี 2021
การกลับมารอบนี้ทำให้เกิดความกังวลหลายด้าน ทั้งด้านอาชญากรรมและการทุจริตที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชากรมีฐานะยากจนมาก จำนวนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นและเกือบ 80% ของผู้ใหญ่ มีอาการบกพร่องทางร่างกายหรือด้านอื่นๆแต่ด้านที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือประเด็นสิทธิสตรี ซึ่งจะถูกควบคุมจากทั้งกติกาของตาลีบันและกรอบกฎหมายชารีอะห์หรือกฎหมายอิสลาม
แม้คำสอนของศาสดามูฮัมหมัดและ อัลกุรอาน จะระบุว่าผู้หญิงนั้นมีสิทธิในการเลือกสามีและทำงานได้ แต่พฤติกรรมในอดีตของตาลีบันระหว่างที่ปกครองอัฟกานิสถาน ในช่วงปี 1996 ถึง 2001 นั้น กลับขึ้นชื่อเรื่องของการกดขี่ผู้หญิง
โดยเฉพาะผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูงในครอบครัวที่ยากจนมากหรือในค่ายผู้ลี้ภัยและผู้หญิงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเปิดเผยหรือต้องการอิสระ รวมถึงการรักร่วมเพศที่มีโทษถึงประหารชีวิต
เรื่องต้องห้ามที่ผู้หญิงในอัฟกานิสถานไม่มีสิทธิ์ทำ
1. ห้ามไปโรงเรียน
หนึ่งในข่าวที่สะท้อนความเข้มข้นของการห้ามเด็กหญิงไปโรงเรียนได้ดีคือ Malala yousafzai เด็กนักเรียนหญิงวัย 14 ปี ถูกยิงระหว่างนั่งรถโรงเรียนกลับบ้านเพราะเธอเคยเขียนบล็อกต่อต้านกลุ่มตาลีบันและรณรงค์ให้เด็กผู้หญิงได้เรียนหนังสือ
สิ่งที่หนูน้อยมาลาลาได้รับนั้นสวนทางกับที่โฆษกกลุ่มตาลีบันประกาศหลังได้รับชัยชนะว่าผู้หญิงอัฟกันจะได้ทำงานและได้เรียนหนังสือถึงระดับมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้กลุ่มตาลีบันยังเดินหน้าสั่งปิดโรงเรียนสำหรับผู้หญิงทั้งหมด รวมไปถึงโรงเรียนระดับชั้นประถม และโรงเรียนสหศึกษาที่มีทั้งชายและหญิงเรียนรวมกัน
ไม่เพียงเด็กผู้หญิงที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าเรียน เด็กผู้ชายก็ยังคงถูกคัดเลือกไปต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถาน จุดนี้มีรายงานว่าเด็กต้องเผชิญกับการล่วงละเมิดหลายครั้ง ทำให้อัฟกานิสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่อันตรายที่สุดในโลกสำหรับเด็ก
2. ไม่ให้ทำงาน
ไม่นานหลังจากที่ตาลีบันเข้าปกครองอัฟกานิสถาน มีรายงานว่านักรบตาลีบันบังคับให้ผู้หญิง 9 คน ออกจากการทำงานในธนาคารและกลับไปบ้าน ก่อนจะให้ญาติของพวกเธอที่เป็นชายไปทำงานแทน
เหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงอัฟกานิสถานไม่มีสิทธิ์ทำงานคือการไม่เพียงต้องอยู่ใต้กฎหมายของรัฐบาลและกฎทางศาสนา แต่ยังมีกลไกจัดการข้อขัดแย้งในท้องถิ่นด้วย เช่น ในสภาหมู่บ้านซึ่งยังต้องอยู่ในกรอบความสัมพันธ์เชิงอำนาจในพื้นที่ประเพณีและค่านิยมทำให้ผู้หญิงไม่มีทางเลือกแม้จะรักในงานที่ตัวเองทำอยู่ก็ตาม
3. ห้ามออกจากบ้านโดยไม่มีผู้ชาย
เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผู้หญิงอัฟกันที่ฝ่าฝืนกฎโดยออกนอกบ้านโดยไม่มีญาติผู้ชายพาออกไปจะถูกเฆี่ยนตีกลางถนนในสนามกีฬาหรือศาลากลางจังหวัด กฎข้อนี้ทำให้หญิงชาวอัฟกันต้องถูกลดอิสรภาพเพราะหลายคนต้องอยู่ในฐานะเด็กกำพร้าและจำเป็นต้องหาทางทำงานหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ รวมถึงต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงินมากมาย
การต้องมีญาติที่เป็นชายคอยดูแลหากต้องออกนอกบ้านอาจเกี่ยวข้องกับการบังคับเด็กผู้หญิงให้แต่งงานตั้งแต่อายุน้อยด้วย โดยประมาณ 1 ใน 3 ถูกบังคับให้แต่งงานก่อนอายุ 16 ปี ท่ามกลางนักเคลื่อนไหวที่เคยรณรงค์ให้เพิ่มอายุขั้นต่ำตามกฎหมายในการแต่งงานของเด็กผู้หญิงชาวอัฟกันจาก 16 เป็น 18 ปี
4. ห้ามโชว์ผิวในที่สาธารณะ
หนึ่งในแนวทางปฏิบัติสำคัญสำหรับผู้หญิงตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานและกฎหมายชะรีอะคือผู้หญิงไม่ควรเปิดเผยความงามต่อชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัว นักกฎหมายอิสลามจึงตัดสินโดยยึดจากข้อความว่าผู้หญิงต้องปิดผมและใบหน้าเมื่อออกจากบ้าน :: เวลามีประจำเดือน ออกกำลังกายได้ไหม?
ทำให้ผู้หญิงและเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 8 ขวบขึ้นไป จะต้องสวมใส่บูร์กาหรือผ้าที่ใส่คลุมเสื้อผ้าชั้นนอก ซึ่งคลุมทั้งร่างกายและใบหน้า ที่สำคัญมีข้อห้ามถ่ายภาพผู้หญิงรวมถึงถ่ายวิดีโอหรือแสดงภาพผู้หญิงในหนังสือพิมพ์ หนังสือ ร้านค้า หรือในบ้าน เป็นผลให้หน้าร้านเสริมสวยในอัฟกานิสถานที่เคยตกแต่งด้วยภาพนางแบบหญิงสาวสดใสถูกทาสีทับในชั่วข้ามคืนที่ตาลีบันได้รับชัยชนะ
5. ห้ามผู้หญิงไปสถานพยาบาลที่ผู้ชายให้บริการ
ข้อนี้ฟังแล้วหลายคนเห็นใจผู้หญิงอัฟกันมากเพราะมีกฎห้ามผู้หญิงไปสถานพยาบาลที่ให้บริการโดยผู้ชาย แต่ที่อัฟกานิสถานก็ไม่มีสถานพยาบาลที่ให้บริการโดยผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงอัฟกันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานนี้ ข้อห้ามนี้แปลว่าสตรีอัฟกานิสถาน ไม่มีบริการสุขภาพที่เหมาะสม ผู้หญิงไม่อาจเข้าถึงบริการสุขภาพได้เท่าผู้ชายในประเทศ
6. ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือพูดในที่สาธารณะ
ผู้หญิงในอัฟกานิสถานที่เข้ามามีบทบาทต่อสู้สิทธิสตรีมากขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดในประเทศเมื่อกลุ่มตาลีบันได้ชัยชนะ ตัวอย่างเช่น Nasreen Sultani ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมศึกษาหญิงแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซีว่าเธอใช้เวลาหลายปีในการต่อสู้เพื่อสิทธิของเด็กหญิงชาวอัฟกัน
แต่ตอนนี้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวเพื่อปกป้องนักเรียนของเธอและเคยถูกคุกคามขู่ฆ่าโดยกลุ่มติดอาวุธ ผู้หญิงอัฟกันยังถูกห้ามปรากฏตัวทางวิทยุ โทรทัศน์ หรืองานรวมตัวในที่สาธารณะ ใครฝ่าฝืนมีโทษรุนแรงตั้งแต่เฆี่ยนประจานไปจนถึงตัดนิ้วหรือประหารชีวิต
6 ข้อห้ามเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อห้ามมากมายที่ผู้หญิงและเด็กหญิงอัฟกันต้องเผชิญ ยังมีข้อห้ามจุกจิก เช่น การห้ามสวมรองเท้าส้นสูง การห้ามผู้หญิงขึ้นไปบนระเบียงบ้าน รวมถึงชื่อของสถานที่ซึ่งมีชื่อผู้หญิงรวมอยู่ก็จะต้องถูกเปลี่ยนด้วย
สิ่งที่เราชาวโลกทำได้ขณะนี้คือการเอาใจช่วยให้กลุ่มตาลีบันเปิดรับสังคมโลกด้วยการให้สิทธิสตรีมากขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงไม่เพียงจะทำให้ตาลีบันได้รับการยอมรับจากนานาประเทศให้เป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ยังช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนอัฟกันด้วย
สนับสนุนโดย :: 388goals